เมนู

พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงจำแนกสิกขาบทที่ทรงอุเทศอย่างนั้น
ตามลำดับบทแล้ว บัดนี้ จึงทรงแสดงสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีนิมิตเป็นวัตถุแห่ง
ปาราชิก โดยนัยมีคำว่า หญิง 3 จำพวก เป็นต้น แล้วตรัสวัตถุ 3 โดยนัย
มีคำว่า มรรค 3 แห่งหญิงมนุษย์ เป็นอาทิ เพื่อแสดงนิมิต ที่เป็นวัตถุแห่ง
ปาราชิก เพราะเหตุที่นิมิตหญิงอย่างเดียวเท่านั้น จึงเป็นวัตถุแห่งปาราชิกหา
มิได้ นิมิตหญิงมนุษย์เท่านั้น จึงเป็นวัตถุหามิได้ ทั้งนิมิตแม้แห่งหญิงทั้งหลาย
ซึ่งตกแต่งด้วยทองและเงินเป็นต้น จึงเป็นวัตถุแท้หามิได้ ในคำว่า นิมิตฺเตน
นิมิตฺตํ องฺคชาเตน องฺคชาตํ ซึ่งพระองค์ทรงตั้งบทมาติกานี้ว่า ปฏิเสวติ
นาม เพื่อแสดงอาการเป็นเหตุตรัสว่า พึงเสพเฉพาะ ในบทว่า ปฏิเสเวยฺย
นี้ ตรัสไว้แล้ว.
ในคำว่า หญิง 3 จำพวก เป็นอาทินั้น มีสัตว์ 12 พวก ซึ่งเป็น
ที่อาศัยแห่งนิมิต อันเป็นวัตถุแห่งปาราชิก คือ สตรี 3 จำพวก อุภโต-
พยัญชนก 3 จำพวก บัณเฑาะก์ 3 จำพวก บุรุษ 3 จำพวก. ในสัตว์ 12
จำพวกนั้น สตรีและบุรุษปรากฏชัดแล้ว. ชนิดของบัณเฑาะก์และอุภโต
พยัญชนก จักมีปรากฏในวรรณนาแห่งบรรพชาขันธกะ. ส่วนในคำว่า ผู้เสพ
เมถุนธรรมเฉพาะมรรค 3 แห่งหญิงมนุษย์ นี้ พึงทราบใจความว่า ในมรรค
3 แห่งหญิงมนุษย์. พึงทราบอย่างนี้ทุก ๆ บท.

[มรรคที่เป็นวัตถุแห่งปาราชิกรรม 30]


ก็มรรคเหล่านั้นทั้งหมดทีเดียว มี 30 ถ้วน คือของหญิงมนุษย์มี 3
มรรค ของหญิงอมนุษย์มี 3 มรรค ของสัตว์ดิรัจฉานตัวเมียมี 3 มรรค
รวมเป็น 9, ของมนุษย์อุภโตพยัญชนกเป็นต้นมี 9 ของมนุษย์บัณเฑาะก์
เป็นต้นมี 6 เพราะแบ่งเป็นพวกละ 2 มรรค ๆ, ของมนุษย์ผู้ชายเป็นต้นมี 6